วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

พลังพระคำประจำวัน 4 พย.2016

มองหาโอกาสที่จะเป็นพรแก่ผู้อื่น

พระธรรมฮีบรู บทที่ 13 ข้อที่ 16
เมื่อท่านโรนัลด์ เรแกน สมัยเมื่อครั้งที่ยังเป็นผู้ว่าการรัฐคาลิฟอร์เนียอยู่นั้น บ่อยครั้งที่ท่านออกจากห้องทำงานไปทำธุระบางอย่างแต่เช้าตรู่ สั่งผู้ดูแลหน้าห้องที่ทำงาน ว่า"ไปทำธุระแป๊ปหนึ่งเดี๋ยวจะมา.."คุณMichael Deaverผู้ดูแลหน้าห้องที่ทำงาน ก็สงสัยว่าหัวหน้าของเขามีธุระอะไรตั้งแต่เช้า ก็ไปค้นดูเอกสารบนโต๊ะทำงานของท่าน แฟ้มที่จะต้องตรวจในวันนี้มีงานอะไรบ้าง แผ่นแรกเป็นกระดาษจดหมายยับยู่ยี่ เขียนมาจากทหารที่ประจำการที่เวียตนามเขียนมาถึงท่าน เล่าให้ท่านฟังว่าชีวิตในสนามรบเป็นอย่างไร เขาคิดถึงภรรยาและลูกๆเขาอย่างไร โดยเฉพาะวันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของเขา เขาอยากจะให้ภรรยารู้ว่าเขาคิดถึงและยังรักเธอเช่นเดิมอยากจะอยู่เคียงข้างเธอในวันนี้ แม้ว่าเขาได้ส่งการ์ดอวยพรมาให้แล้วก็ตามแต่ไม่แน่ใจว่าเธอจะได้รับหรือเปล่า จึงอยากจะขอรบกวนท่านผู้ว่าการช่วยให้คนโทรศัพท์ไปบอกเธอว่าเขาไม่ลืมวันนี้
Michael Deaverผู้ดูแลหน้าห้องที่ทำงาน ทราบต่อมาว่าท่านโรนัลด์ เรแกนไม่เพียงที่จะทำตามที่ทหารคนนี้ขอร้องท่านมา แต่ท่านโรนัลด์ เรแกนได้ออกไปซื้อดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่แล้วเอาไปให้ภรรยาของทหารผู้นี้ด้วยตนเองถึงบ้านของเธอ คนขับรถของท่านโรนัลด์ เรแกนได้เล่าให้คุณMichael Deaverผู้ดูแลหน้าห้องที่ทำงาน ฟังว่า ท่านโรนัลด์ เรแกนไปถึงที่บ้านของทหารผู้นี้ด้วยความสุภาพและมอบดอกใม้ช่อใหญ่ให้เธอแล้วบอกว่าส่งมาจากสามีของเธอเนื่องในวันครบรอบวันแต่งงานของเขาทั้งสอง ไม่เพียงแค่นั้นท่านโรนัลด์ เรแกนยังได้นั่งสนทนา ร่วมดื่นมกาแฟ ถามสารทุกข์สุกดิบเรื่องครอบครัวของเธออย่างตั้งอกตั้งใจเป็นเวลาถึงหนึ่งชั่วโมงด้วย นี่เป็นส่วนหนึ่งที่เคล็ดลับชีวิตอันถ่อมใจของท่านโรนัลด์ เรแกนที่มิน่าทำไมคนอเมริกันถึงได้รักและชื่นชอบท่านมาก
พระธรรมฮีบรู บทที่ 13 ข้อที่ 16 "อย่าลืมที่จะทำความดีและแบ่งปันร่วมกับผู้อื่นเพราะพระเจ้าพอพระทัยเครื่องบูชาเช่นนี้"
ขอพระผู้ทรงสร้างอวยพระพรทุกๆท่านในวันนี้นะครับ
ทัศนพงศ์ ล.สุวรัตน์


พลังพระคำประจำวัน 2 พฤศจิกายน 2016

คุณทำได้

กลยุทธหนึ่งที่มารซาตานใช้ได้ดีและเกิดผลมาก ก็คือการทำให้คุณรู้สึกว่าทำอะไรไม่ได้ ไม่เป็น ไม่ได้เรื่อง ไม่มีคุณค่า มารจะเตือนความผิดพลาดบกพร่องของคุณในอดีตอยู่ร่ำไป แม้ว่าจะเนิ่นนานมาสักเพียงไรแล้วก็ตาม หรือคุณจะเกิดผลที่ดีในชีวิตตอนนี้แล้วเพียงไรก็ตาม เสียงทางลบของมารเหล่านี้ก็ยังคงดังก้องในโสตประสาทของเราอยู่เสมอ จนทำให้เรากลัวที่ทำอะไรต่อไปในชีวิต แม้ว่าจะยังไม่ทำอะไรก็ตาม นี่เรียกว่า"อาการของความวิตกจริต" มารต้องการให้คุณรู้สึกขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง

ซึ่งจริงๆแล้วคุณไม่ต้องการการเชื่อมั่นในตนเอง คุณต้องการการเชื่อมั่นในพระผู้ทรงสร้าง พระผู้สถิตในตัวเรา ปราศจากพระผู้สร้างแล้วเราจะทำอะไรไม่ได้เลย พระผู้ทรงประทานลมหายใจ ชีวิต ความคิดและสรรพสิ่งแก่เราประจำวัน
เราอาจจะคิดว่าเราเก่ง เราดี เราทำได้เอง แต่เวลาจนตรอกไม่มีทางที่จะไป เมื่อนั้นพระองค์จะเปิดทางให้เราเดินต่อไปได้ ทำในสิ่งที่เราทำไม่ได้ นี่คือสิ่งที่มารไม่ต้องการให้เรารู้ ได้ยิน มารต้องการให้เราคิดว่าเราทำอะไรไม่ได้ หมดหนทาง จนตรอก ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ให้เราบอกแก่มารว่าใช่แล้วข้าพเจ้าหมดหนทาง จนตรอก ทำอะไรไม่ได้แล้ว ต่อไปนี้พระคริสตืที่อยู่ในชีวิตของข้าพเจ้าจะทรงกระทำสิ่งที่ยากลำบากเหล่านี้ได้

พระธรรมโยชูวา บทที่ 1 ข้อที่ 7
จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด จงใส่ใจปฏิบัติตามบทบัญญัติทั้งปวงที่โมเสสผู้รับใช้ของเราให้ไว้กับเจ้า อย่าเลี่ยงไปทางซ้ายหรือทางขวา เพื่อเจ้าจะประสบความสำเร็จไม่ว่าเจ้าจะไปที่ใด

ไม่ว่ามารจะบอกเรากี่ครั้งก็ตามต่อไปนี้ ว่าเราจะล้มเหลว จะพลาด จะพ่ายแพ้ ไม่เกิดผล ไม่ต้องไปทำไปลอง เราก็บอกมารว่าใช่แล้ว ถ้าข้าพเจ้าพึ่งพากำลังตนเอง ข้าพเจ้าทำไม่ได้แน่ แต่โดยร่วมกับพระองค์ ข้าพเจ้าทำได้ทุกสิ่งโดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า
พระธรรมฟิลิปปี บทที่ 4 ข้อที่ 13 ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้โดยพระองค์ผู้ประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า
ขอพระผู้ทรงสร้างอวยพระพรทุกๆท่านในวันนี้นะครับ
ทัศนพงศ์ ล.สุวรัตน์

พลังพระคำประจำวัน 1 พฤศจิกายน 2016


ฝึกงานไปทำไป
อพย.4.13แต่โมเสสทูลว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดส่งคนอื่นไปเถิด”
เมื่อตอนที่พระผู้เป็นเจ้าใช้โมเสสไปเฝ้ากษัตริย์ฟาโรห์เพื่อให้ปลดปล่อยชนชาติอิสราเอล "ปล่อยประชากรเราไป"
โมเสสทูลพระเจ้าว่า"ให้คนอื่นเขาไปทำเถอะ"เราก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันหรือเปล่า
ดังนั้นนี่คือสิ่งที่พระเจ้าตรัสตอบโมเสสว่า"อพย.4.12 "บัดนี้จงไปเถิด เราจะช่วยและจะสอนเจ้าว่าเจ้าควรจะพูดอะไร”
เมื่อพระผู้เป็นเจ้าเรียกใช้ใครทำงาน พระองค์จะฝึกฝนประทานความสามารถให้ด้วย
แต่หลายครั้งพระองค์ไม่ได้ให้เราตั้งตัว เตรียมตัวมาก่อนเลย บางครั้งที่พระองค์ฝึกฝนเราไปพร้อมๆกับทำงานรับใช้พระองค์ไปด้วยกัน
นั่นแหละที่หลายคนกลัวไม่กล้าและไม่ทำอะไรเลย
บางทีคุณได้บอกกับพระเจ้าว่า"ไม่กล้าบอกกับคนนั้นคนนี้".. "ไม่มีจิตมีใจจะพูดอะไรกับใครแล้ว".. "พระเจ้าจะให้นำประชุมกับคนเยอะๆอย่างนี้เหรอ"หรือ"พระเจ้าจะให้ทำงานนี้เหรอ..ไม่เคยทำมาก่อนเลยนะ"
งานที่พระเจ้ามอบหมายให้เราทำนั้น เราจะพึ่งพาความรอบรู้ ความเก่ง ความสามารถของเราหรือเท่าที่เรามีไม่ได้เลย
สิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าให้เราทำนั้นสูงค่ายิ่งกว่ากำลังความคิดของเราทั้งหมดทั้งสิ้น
ดังนั้นกำลังและความสามารถทั้งสิ้นของเราจะต้องมาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นจึงจะทำได้ ส่วนที่เหลือจะมาเองในระหว่างที่เราทำงานร่วมกับพระองค์
เราจะต้องไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้าและการทรงนำของพระองค์
ไม่ใช่ที่เราจะไม่กลัวอะไรเลย..จะมีอะไรหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นที่ขะทำให้เรารู้สึกหวาดผวา ตกใจกลัว..เมื่อนั้นเราจะต้องฝึกฝนความเชื่อ ศรัทธาให้เกร่งกล้า เจริญเติบโตขึ้นสูงไปในสิ่งที่เกินกำลังความสามารถของเรากับพระผู้เป็นเจ้าดั่งเช่นคนอื่นๆที่ทำได้ด้วยเหมือนกัน
พระองค์จะให้เราทำงานเริ่มจากสิ่งเท่าที่เรามีอยู่ในเวลานี้ นี่แหละจะช่วยให้เราไม่เหลิง ลืมตัวคิดว่าเราเก่ง...แต่เราจะสำนึกตัวอยู่เสมอว่า ที่เราได้มาถึงจุดนี้ได้ก็เป็นเพราะพระคุณของพระผู้เป็นเจ้า
บางทีเราต้องพึ่งพาปรึกษาผู้ที่เขาผ่านชีวิตแบบนี้กับพระผู้เป็นเจ้ามาแล้ว..และไม่ใช่ปรึกษาครั้งเดียว อาจจะต้องคอยขอคำแนะนำจากท่านเหล่านี้อยู่บ่อยๆ อย่ากลัวที่จะถาม..ขอคำแนะนำ..ว่าจะต้องทำอย่างไรในเรื่องนี้เรื่องนั้น
ถ้าพระผู้เป็นเจ้าเลือกคุณให้ทำงานของพระองค์...ไม่ใช่โยนไปให้คนอื่นทำ..คุณเป็นคนที่พระผู้เป็นเจ้าเห็นแล้วว่าเหมาะสมที่สุด..อย่าพลาดพระพรของคุณที่พระผู้เป็นเจ้าเตรียมไว้ให้คุณ

พลังพระคำประจำวัน 3 พย.2016

ระวังคำเตือน!
นิตยสารทหารเรือต่างประเทศฉบับหนึ่งรายงานเกี่ยวกับการเผชิญหน้าที่ผิดปกติระหว่างการซ้อมรบทางทะเล ท่ามกลางสภาพอากาศที่แย่มากๆ ทั้งคลื่นลมพายุฝนที่ซัดกระหน่ำลงมาอย่างหนักหน่วง ไม่มีแสงไฟใดๆนอกจากแสงจากสายฟ้าผ่าลงมาเป็นระยะเท่านั้น
ทันใดนั้นกัปตันเรือได้รับสัญญาณไฟในระยะไกล นายทหารกัปตันนั้นก็รีบส่งข้อความออกไป
"เรากำลังอยู่ในเส้นทางปะทะกัน ขอให้คุณเปลี่ยนรัศมีของคุณยี่สิบองศา"
ทันทีสัญญาณตอบรับกลับมาถึงกัปตันเรือ
"ขอเตือนให้คุณเปลี่ยนรัศมี"
ทันทีที่ได้รับสัญญาณกลับมาเช่นนี้นายทหารกัปตันฉุนจัด
"นี่ฉันเป็นกัปตันเรือ ผมขอสั่งให้คุณเปลี่ยนรัศมีของคุณเดี๋ยวนี้"
สัญญาณตอบกลับมา"ผมเป็นชาวประมง ขอบอกให้คุณเปลี่ยนรัศมีของคุณ"
มาถึงจุดนี้กัปตันเรือตะคอกกลับไปด้วยอารมณ์โกรธจัด
"ฉันเป็นกัปตันเรือรบทหารเรือ แกจงเปลี่ยนรัศมีของแกเร็วๆเดี๋ยวนี้"
สัญญาณกลับมา"ผมเป็นประภาคาร ดูแลที่ริมฝั่งทะเลอยู่"
กัปตันนายทหารไม่รีรอที่จะรีบเปลี่ยนรัศมีทันที
อะไรที่เราดื้อดึง ไม่ใส่ใจเสียงเตือนอันตรายสำหรับชีวิตของเรา บางครั้งก็จบลงด้วยเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเสียงเตือนเรื่องสุขภาพ ความขัดแย้งในครอบครัว ชีวิตสมรส ลูกๆที่ดื้อ หนี้สินเพิ่มขึ้น นิสัยที่ตกเป็นทาสของสิ่งที่ไม่ดี ความเครียดที่สร้างปมชีวิต ปมแล้วปมเหล่า แล้วก็มีเรื่องเช่นนี้อีกหลายอย่างหลายประการ
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังประสบความสำเร็จรุ่งโรจน์ ยุ่งอยู่กับการงานที่รัดตัวอยู่ในเวลานี้ หรือจะเป็นใครก็ตามเมื่อมีเสียงเตือนในใจต่อสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็ขอให้คุณรีบเปลี่ยนรัศมีของคุณที่กำลังมุ่งหน้าไปสู่ความหายนะของชีวิต ไม่เป็นการฉลาดเลยที่คุณยังจะดื้อแพ่งเมินเฉยต่อเสียงเรียกเตือนนี้
พระผู้ทรงสร้างชีวิตมนุษย์ ทรงทราบดีว่าอะไรควรอะไรไม่ควรสำหรับชีวิตของคนเรา เพียงหากที่เราจะเปิดใจรับฟังพระสุรเสียงของพระองค์บ้าง เราก็อาจจจะหลีกพ้นจากภัยพิบัติต่างๆที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในชีวิตของเราได้
ท่านที่รู้จักกับพระองค์ พระผู้สร้างได้เตือนว่าพอแล้ว เลิกได้แล้ว เปลี่ยนรัศมีหรืออะไรที่ให้คุณเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ไม่ดีไม่มีคุณค่าในชีวิตแต่คุณปฎิเสธ เมินเฉยไม่สนใจเสียงเตือนของพระองค์
อย่าให้เสียงเตือนแผ่วเบาลงด้วยการเมินเฉย หรือคุณหนีเดินห่างไกลจากพระองค์กลับมาหาพระองค์สนองตอบต่อเสียงเรียกเตือนนี้ แล้วอะไรๆที่มันไม่ถูกไม่ควรไม่เข้าที่เข้าทางก็จะเริ่มเป็นเรื่องเป็นราว สุขภาพชีวิต จิตใจของคุณก็จะดีตามไปด้วย
ขอองค์พระผู้ทรงสร้างอวยพระพรทุกๆท่านนะครับ
ทัศนพงศ์ ล.สุวรัตน์
สุภาษิตบทที่ 29 ข้อที่ 1 ผู้ที่ถูกตักเตือนบ่อยๆ แต่ยังทำคอแข็งไม่ฟัง
จะแหลกสลายเกินเยียวยาในชั่วพริบตา
<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/tHutA18EZjI" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

พลังพระคำประจำวัน 5 พย. 2016

ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
สุภาษิต บทที่ 11 ข้อที่ 3
"ความสัตย์สุจริตนำทางให้คนเที่ยงธรรม ส่วนความปลิ้นปล้อนทำให้คนไม่ซื่อสัตย์พลิกคว่ำ"
คำว่า integrity แปลว่า ความซื่อตรง เกี่ยวกับรากศัพท์ของคำในคณิตศาสตร์ว่า integer การความสมบูรณ์ที่ไม่มีจุดทศนิยม
ดังนั้นเมื่อเรามีชีวิตในความซื่อตรง เราก็จะเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่เพิ่มไม่เติมแต่งหรือขาดอะไรไป
เวลาที่ใครไปศาลจะได้ยินคำสาบานก่อนที่พยานจะเบิกความต่อศาล ว่าจะให้การตามความสัตย์จริงเสมอ
ทำไมคนเราชอบบิดเบือนความเป็นจริง แต่งเสริมเติมแต่ง ใส่สีใส่ไข่ บอกความจริงไม่หมด เก็บไว้ยักไว้ ถ้าไม่ถามก็ไม่บอกความจริงทั้งหมด
ส่วนมากก็เพื่อผลประโยชน์ของตัวเขาเอง หรือปิดบังเอาหน้า ซ่อนการกระทำของตัวเองคิดว่าใครไม่รู้ไม่เห็นจนกลายเป็นกมลสันดานที่แก้ไขยาก
ยาโคบซึ่งมีความหมายว่าเล่ห์เลี่ยม กะล่อน ขี้โกง สมคบร่วมกันกับแม่ของตัวเองหลอกพ่อเอาผลประโยชน์ของสิทธิ์ลูกคนโต ซึ่งเป็นของเอซาวพี่ชายในครอบครัวไปครอบครอง
แต่ผลที่ยาโคบได้รับกรรมครั้งนี้หนักยิ่งกว่าที่ตนได้ทำมันลงไปหลายร้อยเท่าที่เดียว
เขาต้องหลบลี้หนีหน้าพี่ชายและครอบครัวไปอาศัยต่างแดน โดนใช้งานหนัก โดนโกงค่าจ้างแรงงานเป็นเวลาถึงยี่สิบปีจากพ่อตาที่กะล่อนยิ่งกว่ายาโคบอีกเป็นหลายเท่าตัว
ยาโคบได้ลืมพระผู้สร้างของเขา ลืมพระสัญญาแผนการณ์ของพระองค์ที่มีไว้สำหรับผู้ที่มีชีวิตซื่อตรงไปกับพระองค์
เมื่อยาโคบกลับใจใหม่ ปรับเปลี่ยนคุณค่าของมาตราฐานชีวิต จากคนขี้งกขี้โกง กลายมาเป็นผู้ให้ด้วยใจจริง บอกกับพระเจ้าว่าจะมอบถวายสิบลดให้กับพระองค์ทุกประการ จากนั้นชีวิตของยาโคบก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เกินความคาดฝันว่าพระพรจะหลั่งไหลเทมาอย่างท่วมท้นเช่นนี้
ยาโคบกลายเป็นคนสัตย์ซื่อ มีนิสัยโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ได้กลับไปอยู่กับครอบครัว ร่ำรวยและมีความสุข พร้อมกับได้ชื่อใหม่ คือ อิสราเอล บรรพบุรุษของขนชาติอิสราเอล
ความซื่อตรง สัตย์ซื่อย่อมปันผลในบั้นปลายอย่างแน่นอนทุกครั้งไป ไม่มีจุดทศนิยม ทุกอย่างจะลงตัวด้วยดี
ทำไม เพราะนี่เป็นมาตราฐานชีวิตที่พระผู้สร้างทรงบัญชาไว้นั่นเอง
ขอองค์พระผู้ทรงสร้างอวยพระพรทุกๆท่านในวันนี้นะครับ
ทัศนพงศ์ ล.สุวรัตน์
ปฐมกาล 28.15เราอยู่กับเจ้า และจะดูแลปกป้องเจ้าไม่ว่าเจ้าไปที่ไหน และเราจะนำเจ้ากลับมายังดินแดนนี้ เราจะไม่ทิ้งเจ้าจนกว่าเราจะได้ทำสิ่งที่เราได้สัญญาไว้กับเจ้าแล้ว”
<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/-5O61i42shQ" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

พลังพระคำประจำวัน วันที่ 6 พย.2016

อย่ายอมแพ้
ท่านเปาโลได้กล่าวไว้ว่า "แต่เรามีของล้ำค่านี้ในภาชนะดินเพื่อแสดงว่าฤทธานุภาพอันล้ำเลิศนี้มาจากพระเจ้า ไม่ใช่มาจากตัวเราเอง"
ภาชนะดินก็คือตัวเราเอง ของล้ำค่าอาจจะเป็นพรสวรรค์ ความสามารถพิเศษ ความเก่งเหนือคนอื่น แต่ประเด็นคือภาชนะที่บรรจุของล้ำค่านี้
บางครั้งเราโหมหนักกับการงานเพื่อความสำเร็จเกิดผลมาก จนลืมไปว่าเราเป็นเพียงภาชนะที่พระผู้สร้างใส่ความสำเร็จ ความสามารถไว้ในเรา
ภาชนะนี้สร้างมาจากดิน มีความจำกัด แตกร้าว ชำรุดได้ง่าย ไม่ทนทานกับการหักโหมจนเกินตัว นี่แหละจึงเป็นอะไรที่เราจะต้องรู้จักหยุดรู้จักพอ ที่สำคัญคือต้องรู้ว่าพระผู้สร้างสร้างภาขนะนี้เพื่ออะไร
ถ้วยชาม หม้อไห แก้ว มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ของแต่ละอย่าง บ้างก็เพื่องานหนัก บ้างก็เพื่องานเบา บ้างก็มีไว้เพื่อความสวยงาม ฯลฯ
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือในความจำกัดของภาชนะเหล่านี้เมื่อแตกหัก ร้าว หรือบุบสลาย เมื่อได้ล้างได้ซ่อมทำความสะอาดใหม่ก็กลับเอามาใช้ได้เหมือนเดิม
ดังนั้นอย่ายอมแพ้ ถ้าคุณแตกร้าว บุบสลาย นึกเสียว่า เราเป็นเพียงภาชนะดิน ไม่ใช่ทำมาจากเหล็กไหลที่ไหน ซึ่งบางครั้งการที่เราอวดว่าเราดีเด่น ครอบครัวเราไม่มีอะไรบกพร่องอะไรเลย ทุกอย่างสมบูรณ์เรียบร้อยแทนที่จะเป็นการให้กำลังใจแก่คนอื่น เขากลับมองว่าตัวของเขา ครอบครัวของเขาคงไม่มีทางจะได้ดีได้เป็นเช่นนั้น กลายเป็นการสร้างความท้อแท้ใจให้คนอื่นโดยไม่เจตนา
มีเสียงร้องไห้คร่ำครวญอยู่ทั่วไปที่เขาเพียงต้องการคำหนุนใจ คำให้กำลังใจ เป็นเพื่อนเป็นมิตรที่ไม่ต้องการจะโดนเจ็บอีกต่อไป
บางครั้งในรอยร้าว ความแตกหัก บุบสลายของเราก็อาจจะเป็นกำลังใจแก่คนอื่นที่เขาเห็นว่าเราก็เป็นเช่นเดียวกับเขา แม้ว่านี่จะเป็นการให้กำลังใจแก่เขาท่ามกลางความปวดร้าวของเราที่เรายังคงเดินหน้าพึ่งพาพระคุณของพระเจ้าต่อไปก็ตาม
การที่เรายืนหยัดในความจริง มีชีวิตโดยพระคุณของพระผู้ทรงสร้างไปวันๆไม่เสแสร้งแกล้งทำ มีแต่ความจริงใจ เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นก็อาจจะเป็นกำลังใจแก่ภาชนะที่แตกร้าว บุบสลาย ที่จะเข้ามาหาพระผู้ทรงสร้างของมวลมนุษย์ เพื่อรับการซ่อมแซมแก้ไข ชำระล้างให้เป็นคนใหม่ สดใส กลับนำไปใช้ได้ดั่งเดิมก็ได้นะครับ
ขอพระผู้ทรงสร้างอวยพระพรทุกๆท่านในวันนี้นะครับ
ทัศนพงศ์ ล.สุวรัตน์
พระธรรม 2 โครินธ์ บทที่ 4 ข้อที่ 7-12
เพลง ซ่อนข้าไว้ <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/D0loC2tAi3g" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>